หลังจากผ่านพิธีการที่งดงามและเปี่ยมด้วยรอยยิ้มมาตลอดทั้งวัน ก็มาถึงช่วงเวลาที่ถือเป็นบทสรุปที่อบอุ่นและมีความหมายที่สุด นั่นคือ “พิธีส่งตัวเข้าหอ” ซึ่งไม่ใช่เป็นเพียงการส่งคู่บ่าวสาวเข้าไปในห้องนอน แต่เป็นพิธีกรรมสุดท้ายที่เต็มไปด้วยคำสอนและคำอวยพร เพื่อให้การเริ่มต้นชีวิตคู่ในฐานะสามีภรรยาอย่างสมบูรณ์นั้นราบรื่นและเปี่ยมสุข
สำหรับคู่รักใน ที่ให้ความสำคัญกับคุณค่าของประเพณี “เรือนไทยมิลันอนัญญา” จะขอพาไปเจาะลึกถึงความงดงามของพิธีการนี้กันครับ
“พิธีปูที่นอนเรียงหมอน” เคล็ดมงคลแรกสู่ห้องหอ
ก่อนที่บ่าวสาวจะเข้าห้องหอ จะมี พิธีปูที่นอนเรียงหมอน เกิดขึ้นก่อน โดยจะเชิญคู่สามีภรรยาอาวุโสที่เป็นที่นับถือ มีชีวิตคู่ที่ราบรื่นและดีงามมาเป็นผู้ทำพิธีปูที่นอนให้ เพื่อเป็นเคล็ดมงคลให้ชีวิตคู่ของบ่าวสาวมีความสุขและยั่งยืนเช่นเดียวกัน ในพิธีจะมีการนำของมงคลต่างๆ วางไว้บนที่นอน ซึ่งแต่ละอย่างมีความหมายดีๆ ซ่อนอยู่ครับ
- ฟักเขียว: สื่อถึงการอวยพรให้ชีวิตคู่มีความร่มเย็นเป็นสุข “ให้เย็นเหมือนฟัก”
- หินบดยา: ในอดีตใช้ “ก้อนเส้า” หรือหินเตาไฟ แต่เพื่อความสะอาดจึงเปลี่ยนมาใช้หินบดยาแทน เพื่ออวยพรให้ความรักของทั้งคู่หนักแน่นมั่นคง และอยู่ติดบ้านติดเรือน “ให้อยู่เรือนเหมือนก้อนเส้า”
- แมว: โดยธรรมเนียมจะใช้แมวตัวผู้ เป็นเคล็ดให้คู่บ่าวสาวรักบ้าน รักเรือน ไม่หนีไปไหน “ให้เฝ้าเรือนเหมือนแมวคราว” (ปัจจุบันนิยมใช้ตุ๊กตาแมวแทนเพื่อความสะดวก)
- ถั่ว งา และข้าวเปลือก: คือสัญลักษณ์ของความเจริญงอกงามและความมั่งมีศรีสุขในชีวิตคู่
เมื่อผู้ใหญ่ทำพิธีปูที่นอนและกล่าวคำมงคลแล้ว ก็เป็นอันเสร็จสิ้นการเตรียมห้องหอ
เพื่อรอรับคู่บ่าวสาวครับ

วินาทีส่งตัวเจ้าสาว: คำฝากฝังจากหัวใจพ่อแม่
เมื่อถึงฤกษ์ส่งตัว เฒ่าแก่ฝ่ายชายจะพาเจ้าบ่าวเข้าไปรอในห้องหอก่อน จากนั้นจะเป็นช่วงเวลาที่ซาบซึ้งที่สุดสำหรับฝ่ายหญิง เจ้าสาวจะต้องไหว้ลา
และขอพรจากพ่อแม่และญาติผู้ใหญ่
เมื่อเจ้าสาวเข้าสู่ห้องหอแล้ว พ่อแม่ของเจ้าสาวจะกล่าวฝากฝังเจ้าสาวไว้กับเจ้าบ่าว ให้ช่วยดูแล ปกป้อง หากมีสิ่งใดขาดตกบกพร่องก็ขอให้ว่ากล่าวตักเตือน และที่สำคัญคือขอให้รักใคร่เอ็นดู ไม่ทอดทิ้งกัน หลังจากเจ้าบ่าวรับคำแล้ว ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายจะให้โอวาทเพื่อเป็นแนวทางในการใช้ชีวิตคู่
จากนั้นจึงให้บ่าวสาวลงนอน โดยเจ้าบ่าวจะอยู่ทางฝั่งขวาของเตียง ซึ่งในบางธรรมเนียม เจ้าสาวจะกราบเจ้าบ่าวก่อนนอนเพื่อแสดงความเคารพในฐานะผู้นำครอบครัว เมื่อจบขั้นตอนนี้ จึงถือว่าพิธีแต่งงานทั้งหมดได้เสร็จสิ้นลงอย่างสมบูรณ์
เกร็ดความรู้จากธรรมเนียมโบราณ: ในสมัยก่อน พิธีการอาจกินเวลาหลายวัน หากยังไม่ถึงฤกษ์ส่งตัวเจ้าสาว เจ้าบ่าวจะต้องเข้าไปนอนเฝ้าห้องหอรอเจ้าสาวไปก่อนจนกว่าจะถึงฤกษ์ก็มีครับ พิธีส่งตัวเข้าหอจึงเป็นมากกว่าการส่งบ่าวสาวเข้านอน แต่เป็นบทสรุปที่เต็มไปด้วยความรัก ความผูกพัน และคำอวยพรอันประเสริฐจากครอบครัว เพื่อเป็นทุนและกำลังใจให้คนสองคนได้ก้าวเดินไปบนเส้นทางชีวิตคู่ได้อย่างมั่นคงและมีความสุข

และแล้วการเดินทางผ่านพิธีแต่งงานตามแบบประเพณีไทยอันงดงามก็ได้มาถึงบทสรุปที่สมบูรณ์และอิ่มเอมใจ จะเห็นได้ว่าในทุกๆ ขั้นตอน ตั้งแต่ขบวนขันหมากอันคึกคัก พิธีหลั่งน้ำสังข์อันศักดิ์สิทธิ์ มาจนถึงการส่งตัวเข้าหอที่อบอวลไปด้วยความรักและคำอวยพร ล้วนแฝงไปด้วยความหมายอันลึกซึ้งที่บรรพบุรุษได้รังสรรค์ไว้เพื่อเป็นดังเกราะคุ้มกันให้ชีวิตคู่มีความสุขความเจริญ
“เรือนไทยมิลันอนัญญา” หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความในซีรีส์นี้จะเป็นประโยชน์และสร้างแรงบันดาลใจให้ว่าที่บ่าวสาวที่ฝันถึงงานวิวาห์แบบไทยใน ได้นำไปปรับใช้ในวันสำคัญของคุณนะครับ
แต่ความงดงามของความรักและการแต่งงานนั้นเป็นเรื่องสากลที่ถูกถ่ายทอดผ่านวัฒนธรรมและความเชื่อที่หลากหลาย ในขณะที่เราได้ดื่มด่ำกับมนต์เสน่ห์ของประเพณีไทยไปแล้ว…
ในซีรีส์ชุดถัดไป เราขอเชิญทุกท่านร่วมเดินทางไปสำรวจความโรแมนติกและความศักดิ์สิทธิ์ของพิธีวิวาห์ในอีกรูปแบบหนึ่ง นั่นคือ “พิธีแต่งงานตามหลักศาสนาคริสต์” มาร่วมค้นหาความหมายของการเดินเปิดตัวเจ้าสาว (Walking down the aisle), การกล่าวคำปฏิญาณรัก (Vows), และพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งการเริ่มต้นชีวิตคู่
โปรดติดตามซีรีส์ชุดต่อไปของเรา ที่จะพาคุณไปสัมผัสกับอีกหนึ่งรูปแบบของความรักที่งดงามไม่แพ้กันครับ